
เมื่อยักษ์ EV จีน “Neta” สะดุดล้มกลางทาง… แล้วอนาคตในไทยจะเป็นอย่างไร?
บริษัท Zhejiang Hozon New Energy Automobile เจ้าของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า Neta จากจีน ได้เข้าสู่กระบวนการล้มละลายอย่างเป็นทางการแล้ว นี่ไม่ใช่แค่ข่าวช็อกในแวดวงยานยนต์จีน แต่ยังส่งแรงสะเทือนมายังตลาดรถ EV ในไทยที่ Neta เคยวางตัวให้เป็นศูนย์กลางสำคัญในแผนขยายอาเซียนด้วย
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Neta ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนที่มาแรงและได้รับความสนใจในไทยอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการตั้งโรงงานประกอบในประเทศไทย และการเปิดตัวรุ่นยอดนิยมอย่าง Neta V ที่ชูราคาประหยัดพร้อมฟีเจอร์ครบเครื่องจนสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดจากเจ้าตลาดอย่าง MG และ BYD ได้ไม่น้อย
แต่ล่าสุด สื่อจีนรายงานว่า Zhejiang Hozon New Energy Automobile ถูกศาลประชาชนในมณฑลเจ้อเจียงรับคำร้องขอล้มละลาย หลังเผชิญปัญหาทางการเงินเรื้อรัง และไม่สามารถชำระหนี้สินต่อเจ้าหนี้ได้อีกต่อไป รายงานจาก CCTV ของจีนระบุว่า บริษัทมีหนี้สะสมหลายพันล้านหยวน และไม่สามารถระดมทุนเพิ่มได้ทัน
Neta Auto Thailand: ยังเปิด แต่อนาคตไม่แน่นอน
ในไทย แม้ว่า Neta Auto Thailand จะยังคงเปิดให้บริการอยู่ และมีความเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดียอยู่บ้าง แต่ก็มีรายงานว่า:
- โรงงานประกอบรถยนต์ Neta ในไทย ได้ “หยุดการผลิตชั่วคราว” ตั้งแต่เดือนก่อน
- ดีลเลอร์บางรายในไทย เริ่มทยอยปิดกิจการ เนื่องจากความไม่ชัดเจนของซัพพลายสินค้าและบริการหลังการขาย
- ทีมงานภายในหลายส่วนอยู่ในช่วงปรับโครงสร้าง หรือลดขนาด เพื่อรอความคืบหน้าจากบริษัทแม่ในจีน
หากสถานการณ์นี้ยืดเยื้อต่อไป ผู้บริโภคไทยที่ใช้รถยนต์ Neta อยู่ อาจเริ่มกังวลเกี่ยวกับการรับประกัน การซ่อมบำรุง และการจัดหาชิ้นส่วนอะไหล่ในอนาคต
เกิดอะไรขึ้นกับ Neta ในจีน?
แบรนด์ Neta เคยตั้งเป้าจะเป็น Tesla แห่งจีน โดยเน้นรถ EV ราคาจับต้องได้สำหรับคนทั่วไป และมีการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับบริษัทใหญ่อย่าง Huawei ในช่วงแรก Neta เติบโตเร็วมาก มียอดขายแตะหลักแสนคันต่อปี และได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่ง
แต่ความจริงคือ ตลาดรถ EV จีน “โหดมาก” ทั้งในแง่การแข่งขันจากคู่แข่งสายเลือดเดียวกันอย่าง BYD, Xpeng, Leapmotor และการลดราคาของ Tesla ที่บีบให้ทุกค่ายต้องเล่นเกมราคาเพื่ออยู่รอด
Neta จึงเจอแรงกดดันจากทั้งยอดขายที่ลดลง กำไรที่หดตัว และหนี้สะสมจากการลงทุนตั้งโรงงาน – R&D อย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถแบกรับภาระได้ไหว
ผลกระทบในไทย: ไม่ใช่แค่ Neta ที่ต้องคิดใหม่
- ความเชื่อมั่นต่อแบรนด์จีน อาจได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่กำลังเลือกซื้อรถ EV ใหม่ จะเริ่มตั้งคำถามว่าแบรนด์ไหนจะไปได้ระยะยาว?
- รัฐบาลไทยต้องจับตา เพราะการผลักดันไทยเป็นฐานการผลิต EV อาเซียน ต้องอาศัยเสถียรภาพของพันธมิตรต่างชาติ การล่มของ Neta อาจกระทบแผนส่งเสริม EV ของไทยหากไม่เร่งหาทางออก
- ผู้บริโภคไทยต้องระวัง แม้ซื้อรถราคาประหยัด แต่ถ้าไม่มีบริการหลังการขาย หรือบริษัทแม่ขาดความมั่นคง ก็อาจต้องเผชิญกับปัญหายาวนาน
บทเรียนจาก Neta: โตเร็วแค่ไหน ถ้าพื้นฐานไม่แน่นก็ไปไม่รอด
Neta คือตัวอย่างของบริษัทที่โตเร็ว แต่ไม่ได้สร้างฐานการเงินที่มั่นคงรองรับการเติบโต เมื่อเผชิญวิกฤตจึงไม่มี buffer พอจะรับแรงกระแทก การพึ่งพาการอัดฉีดจากรัฐ และการแข่งด้านราคามากเกินไป ทำให้ธุรกิจไม่สามารถยืนระยะได้ในระยะยาว
และนี่คือบทเรียนสำคัญของแบรนด์ EV ทั้งในไทยและต่างประเทศ ว่าการจะเป็นแบรนด์ใหญ่ไม่ใช่แค่เปิดตัวรถใหม่ถี่ ๆ แต่ต้องวางโครงสร้างธุรกิจให้แข็งแรงตั้งแต่แรก
การล้มละลายของบริษัทแม่ของ Neta ไม่ใช่แค่ข่าวเศรษฐกิจในจีน แต่มันคือสัญญาณเตือนของทั้งวงการ EV ไทยที่กำลังเดินหน้าแบบเต็มสปีด ว่าเส้นทางนี้แม้จะน่าตื่นเต้น แต่ก็ไม่ง่ายเลย และทุกก้าวต้องมีแผนสำรอง เพราะไม่ใช่ทุกแบรนด์ที่ขับไปถึงเส้นชัยได้
อยากปรึกษาเรื่องเจาะตลาดจีนด้วยการโฆษณาออนไลน์ เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าคนจีนต้อง Baidu Search Engine #1 ของคนจีนที่มีผู้ใช้มากกว่า 1,700 ล้านคน ปรึกษาได้ที่ กดคลิ๊กที่นี่ → We Bridge Marketing Solution