
คิดจะลุยตลาดจีน ทำยังไงให้รอดในเกมใหญ่?
หากคุณกำลังมองว่าตลาดจีนคือโอกาสทองในการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังลังเลว่าจะเริ่มต้นยังไงดี บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักวิธีลุยตลาดจีนให้รอดแบบเข้าเส้นลึก พร้อมเจาะลึกจุดแข็งของคนไทยที่สามารถใช้เป็นแต้มต่อในตลาดมังกร!
บุกจีน ต้องเริ่มต้นที่มาเก๊า?
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่คุณตฤณ วุ่นกลิ่นหอม นายกสมาคมการค้าดิจิทัลไทย (TDTA) แนะนำสำหรับผู้ประกอบการไทยที่อยากลุยตลาดจีนคือ การเริ่มต้นจดทะเบียนบริษัทใน “มาเก๊า” ก่อน โดยให้เหตุผลว่า มาเก๊ายังใช้ระบบกฎหมายแบบโปรตุเกส (คล้ายอังกฤษและไทย) ซึ่งมีความยืดหยุ่นมากกว่าแผ่นดินใหญ่ของจีน
หลังจากจดทะเบียนบริษัทในมาเก๊าแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการยื่นจดสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า จากนั้นจึงเลือก “เมืองในจีน” เพื่อยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ผ่านหน่วยงาน CCPIT (China Council for the Promotion of International Trade) ซึ่งเปรียบเสมือน BOI ของจีน
ด้วยขั้นตอนนี้ จะช่วยให้คุณสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งด้านภาษี ศุลกากร และวีซ่าทำงาน (Work Permit) ได้มากที่สุด พร้อมลดความเสี่ยงในการถูกลอกเลียนแบบจากผู้ประกอบการจีนรายอื่น
ทำไมต้องกันไว้ก่อน?
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ควรเริ่มที่มาเก๊าก่อน เพราะในระบบจีนแผ่นดินใหญ่ การยื่นจดทะเบียนบริษัทนั้นต้องแสดงข้อมูลสินค้าทั้งหมดอย่างละเอียด และข้อมูลนี้สามารถถูกเข้าถึงได้โดยผู้ประกอบการชาวจีนที่ได้รับอนุมัติแล้ว
ถ้าพวกเขาเห็นภาพสินค้าและแนวคิดของคุณก่อนที่คุณจะได้รับการอนุมัติ พวกเขาสามารถนำไปจดทะเบียนแทนได้อย่างถูกต้องตามระบบของจีนทันที ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียทั้งเวลา เงินลงทุน และไอเดียที่อุตส่าห์สร้างขึ้นมา
การจดทะเบียนที่มาเก๊าจึงเป็น “เกราะป้องกัน” สำคัญที่จะช่วยปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาได้ตั้งแต่ต้น และแม้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1-2 แสนบาท แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก
ตัวอย่างธุรกิจไทยที่เจาะตลาดจีนได้สำเร็จ: โกโก้ร้านไอ้ต้น
หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ ร้านเครื่องดื่ม “โกโก้ร้านไอ้ต้น” ที่กลายเป็นกระแสในจีน และมีป๊อปอัปสโตร์กว่า 100 สาขา พร้อมยอดขายแตะระดับหลายร้อยล้านหยวน
จุดแข็งของแบรนด์นี้ไม่ได้อยู่แค่รสชาติของโกโก้เข้มข้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องราวของผู้ก่อตั้งที่เป็นคนสู้ชีวิต ถ่ายทอดผ่านคลิปและคอนเทนต์ที่สะท้อนถึงความจริงใจ ความใส่ใจในรายละเอียด และความสะอาดในการผลิตอย่างสูง
อีกทั้งยังมีดีไซน์แก้วแบบพิเศษที่ทำให้การถือถนัดมือ ไม่เมื่อย และช่วยลดอาการออฟฟิศซินโดรม เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมเล็กๆ ที่จับใจคนจีนผู้ให้ความสำคัญกับสุขภาพและคุณภาพชีวิต
จุดแข็งของคนไทย ที่คนจีนไม่มี
คุณตฤณยังชี้ว่า คนไทยมีจุดแข็ง 3 ประการที่คนจีนส่วนใหญ่ไม่มี และสามารถใช้เป็นข้อได้เปรียบในตลาดจีน ได้แก่:
- ความประนีประนอม (Compromise) – คนไทยมีความยืดหยุ่น และสามารถสื่อสารและทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้อย่างราบรื่น ซึ่งเป็นจุดที่ตลาดจีนยังขาดอยู่ โดยเฉพาะในฝ่าย Global Relation และ Communication
- การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า (Problem Solving) – คนไทยมีทักษะการบริการ และสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี ตอบโจทย์การทำตลาดที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง
- สินค้า High-Skill และมีดีไซน์ – งานฝีมือไทย เช่น งานอัญมณี เรซิน หรือการออกแบบที่มีความซับซ้อน ละเอียด และหรูหรา ทำได้ดีกว่าจีนในหลายมิติ โดยเฉพาะสินค้าพรีเมียมที่เน้นคุณค่าและเอกลักษณ์
เคล็ดลับสุดท้าย: อย่าไปจีนคนเดียว!
สิ่งที่ผู้ประกอบการไทยต้องเรียนรู้ คือ การหาพาร์ตเนอร์จีนที่แข็งแรงในเรื่อง Value Chain โดยเฉพาะด้านต้นทุนการผลิต การจัดหา และระบบโลจิสติกส์ เพื่อให้การบุกตลาดจีนไม่ใช่แค่ฝัน แต่เป็นเรื่องที่จับต้องได้จริง
และที่สำคัญ… อย่าคิดแค่โพสต์ขายของในโซเชียลมีเดียแล้วจะขายดีในจีน เพราะในแดนมังกร การตลาดออนไลน์คือทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ต้องรู้ลึก เข้าใจพฤติกรรม และใช้แพลตฟอร์มให้เป็น
พร้อมหรือยัง?
หากคุณเชื่อว่าสินค้าและแบรนด์ของคุณมีศักยภาพ ลองมองตลาดจีนในมุมใหม่ ไม่ใช่แค่เรื่องของการส่งออก แต่คือการ “เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจจีน” อย่างแท้จริง แล้วคุณจะรู้ว่า การลุยตลาดจีน… ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ามีแผนที่ดีและเข้าใจเกม!
อยากปรึกษาเรื่องเจาะตลาดจีนด้วยการโฆษณาออนไลน์ เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าคนจีนต้อง Baidu Search Engine #1 ของคนจีนที่มีผู้ใช้มากกว่า 1,700 ล้านคน ปรึกษาได้ที่ We Bridge Marketing Solution