ด่านสุยโข่ว: ประตูบานใหม่ของผลไม้ไทยสู่ตลาดจีน
เมื่อพูดถึงการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อของ ด่านโหย่วอี้กวาน และ ด่านรถไฟผิงเสียง ในเมืองฉงจั่ว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เพราะเป็น “ด่านผลไม้” ที่ถูกบรรจุในพิธีสารไทย–จีน มายาวนาน แต่ความจริงแล้ว เมืองฉงจั่วยังมีอีกหนึ่งด่านที่หลายคนอาจยังไม่รู้จัก นั่นคือ “ด่านสุยโข่ว” (Shuikou Border Gate/水口口岸)
ด่านนี้เพิ่งถูกยกระดับขึ้นเป็น “ด่านสากลระหว่างประเทศ” เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 หลังจากจีน (กว่างซี) และเวียดนาม (จังหวัดกาวบั่ง) เปิดใช้สะพานแห่งที่ 2 เชื่อมต่อกับด่านต่าลุง (Tà Lùng) ของเวียดนาม ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้ผลไม้ไทยมีเส้นทางการค้าสู่จีนตะวันตกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งช่องทาง
ทำไม “ด่านสุยโข่ว” ถึงสำคัญ?
ที่ตั้งยุทธศาสตร์
- อยู่ในอำเภอหลงโจว เมืองฉงจั่ว ห่างจากนครหนานหนิงเพียง 218 กม.
- เชื่อมตรงกับด่านต่าลุงของเวียดนาม จังหวัดกาวบั่ง
- แม้ระยะทางจากฮานอยมายังด่านนี้จะไกลกว่าด่านโหย่วอี้กวานราว 100 กม. แต่เมื่อเข้าสู่เส้นทางสู่หนานหนิง ระยะทางแทบไม่ต่างกัน
ศักยภาพด้านโครงสร้าง
- มีพื้นที่กว่า 417 ไร่ พร้อมอาคารตรวจสอบ คลังสินค้าเย็น โรงกำจัดศัตรูพืช
- Truck Terminal ขนาดใหญ่ มีถึง 14 ช่องตรวจรถบรรทุก (เข้า 9 ออก 5) มากที่สุดในกว่างซี
- รองรับการขนส่งสินค้าได้กว่า 20 ล้านตันต่อปี และสามารถขยายได้ถึง 36 ล้านตันในอนาคต
ความพร้อมด้านศุลกากร
- มีมาตรการ Green Lane สำหรับผลไม้สด: ตรวจปล่อยก่อน, นัดหมาย 24/7, ช่องตรวจเฉพาะผลไม้
- แม้ยังไม่มีห้องแล็บตรวจผลไม้นำเข้าในพื้นที่ (ต้องส่งตรวจที่ผิงเสียง) แต่ระบบโดยรวมถือว่าเทียบชั้นกับด่านใหญ่
ด่านสุยโข่ว: คำตอบของปัญหารถติดหน้าด่าน
ทุกปีในฤดูผลไม้ไทย ด่านหลักอย่าง โหย่วอี้กวาน (กว่างซี) และ โม่ฮาน (ยูนนาน) มักเผชิญปัญหารถบรรทุกหนาแน่น ส่งผลให้ผลไม้สดต้องรอคิวนาน ความสดใหม่ลดลง และบางครั้งทำให้ผู้ส่งออกแบกรับต้นทุนสูงขึ้น
การที่ ด่านสุยโข่ว ถูกยกระดับสู่การค้าสากล จึงกลายเป็น “ประตูบานใหม่” ที่ช่วยกระจายความหนาแน่นของรถบรรทุก และสร้างเส้นทางสำรองสำหรับผลไม้ไทยเข้าสู่จีนได้คล่องตัวยิ่งขึ้น
มิติใหม่ของการบุกตลาดจีนตะวันตก
ตลาดจีนตะวันตกยังเป็นพื้นที่ที่ผู้ส่งออกไทยเข้าถึงไม่มากนัก แต่กำลังซื้อมีสูงและเติบโตเร็ว ด่านสุยโข่วซึ่งตั้งอยู่ในเมืองฉงจั่ว จึงกลายเป็น จุดยุทธศาสตร์ ที่จะเชื่อมผลไม้ไทยเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ได้โดยตรง
โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งอย่างเวียดนาม ได้รับอนุญาตให้ส่งออกผลไม้เข้าสู่จีนมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ส่งออกไทยจึงต้องเร่งหาช่องทางใหม่เพื่อรักษาความสด ความเร็ว และความได้เปรียบทางการแข่งขัน
การเปิดตัว “ด่านสุยโข่ว สะพานแห่งที่ 2” ไม่ได้เป็นเพียงแค่โครงสร้างพื้นฐานใหม่ของจีนและเวียดนาม แต่ยังเป็น “โอกาสใหม่ของผลไม้ไทย” ในการเข้าสู่ตลาดจีนอย่างมั่นคงมากขึ้น
เมื่อปัญหาความแออัดที่ด่านหลักถูกบรรเทา ไทยก็มีทางเลือกในการส่งออกที่มากขึ้น ซึ่งหมายถึงผลไม้ไทยจะคงความสดใหม่ได้ดีขึ้น ต้นทุนลดลง และสร้างศักยภาพการแข่งขันที่แข็งแกร่งกว่าเดิม





