
กระทรวงพาณิชย์เตรียมพร้อมรับฤดูผลไม้ปี 2568 ขับเคลื่อนการส่งออกผลไม้ไทยสู่ตลาดจีน พร้อมมาตรการเชิงรุกสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ
ในทุกๆ ปี “สินค้าเกษตร” ถือเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของประเทศไทยที่ช่วยสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผลไม้สด ผลไม้แช่เย็น แช่แข็ง และผลไม้แห้งที่สามารถแซงสินค้าข้าวและยางพารา กลายเป็นสินค้าการเกษตรส่งออกอันดับ 1 ของไทยตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ซึ่งยังคงรักษาอันดับดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ในปี 2567 การส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้งจากไทยมูลค่ารวมอยู่ที่ 6,510.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นสัดส่วน 22.58% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายในการส่งออกผลไม้สดและแปรรูปในปี 2568 ให้มีมูลค่ารวมถึง 3 แสนล้านบาท และตั้งเป้าส่งออกผลไม้สดแยกต่างหากเป็นมูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท หรือประมาณ 3% ของมูลค่าการส่งออกผลไม้ทั้งหมด
ฤดูกาลผลไม้ไทยในปี 2568 คาดการณ์ผลผลิตเพิ่มขึ้น 15%
ช่วงไตรมาส 2 ของปี 2568 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับการส่งออกผลไม้ไทย เนื่องจากเป็นฤดูกาลที่ผลไม้จากไทยเริ่มออกสู่ตลาดอย่างเต็มที่ โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้ ผลผลิตจาก 9 ชนิดผลไม้สำคัญ ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มะม่วง สับปะรด มังคุด ส้มเขียวหวาน เงาะ ลองกอง และลิ้นจี่ จะเพิ่มขึ้นกว่า 15% รวมประมาณ 6.736 ล้านตัน ซึ่งจากจำนวนผลผลิตทั้งหมดนี้ คาดว่าจะมีการส่งออกไปยังต่างประเทศถึง 74% โดย 62% ของการส่งออกเป็นผลไม้สด และ 38% จะเป็นการส่งออกในรูปแบบแปรรูป ส่วนที่เหลืออีก 26% จะใช้ภายในประเทศ โดยมีการบริโภคในรูปแบบสด 73% และแปรรูป 27%
ตลาดจีนยังคงเป็นตลาดหลักสำหรับผลไม้ไทย
สำหรับตลาดการส่งออกที่สำคัญที่สุดสำหรับผลไม้ไทยในช่วงปีที่ผ่านมาและปีนี้คือ “ตลาดจีน” ซึ่งเป็นตลาดอันดับ 1 สำหรับสินค้าผลไม้ของไทย โดยเฉพาะผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูงจากชาวจีน ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มังคุด และมะพร้าวอ่อน หากมีปัญหาในการขนส่งหรือส่งออกผลไม้ไปจีน ย่อมส่งผลกระทบต่อการส่งออกทั้งหมด ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และขจัดอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในการส่งออกผลไม้ไทยไปยังจีน
เพื่อรองรับการส่งออกผลไม้ในช่วงฤดูกาลใหม่ กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมประชุมกับเกษตรกร สมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง โลจิสติกส์ และสถาบันการเงิน เพื่อกำหนดมาตรการและแผนงานเพื่อการส่งออกผลไม้ที่มีประสิทธิภาพและสามารถระบายผลผลิตได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งมีการวางแผนให้การส่งออกผลไม้ไทยสามารถดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีความรวดเร็ว
เส้นทางโลจิสติกส์ไทย-ลาว-จีน: การปรับปรุงเส้นทางขนส่งเพื่อรองรับการขนส่งผลไม้
หนึ่งในมาตรการสำคัญของกระทรวงพาณิชย์คือการปรับปรุงเส้นทางขนส่งระหว่างไทย ลาว และจีน โดยเฉพาะเส้นทาง R3A และ R12 ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งผลไม้ไทยไปยังจีน โดยเส้นทาง R3A จะเชื่อมต่อจากเชียงของผ่านห้วยทรายและบ่อเต็นไปยังโม่ฮานในจีน ส่วนเส้นทาง R12 เชื่อมต่อจากนครพนมเข้าสู่ลาวที่ด่านท่าแขก ก่อนผ่านเวียดนามที่ด่านลางเซิน หูหงิ และเข้าสู่จีนที่ด่านโหยวอี้กวน
กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการปรับปรุงเส้นทางเหล่านี้เพื่อให้สามารถรองรับการขนส่งผลไม้จำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดอุปสรรคในการขนส่ง โดยล่าสุดได้มีการตรวจสอบเส้นทางโลจิสติกส์ร่วมกับหน่วยงานของลาวและจีน ซึ่งมีการหารือเรื่องการอำนวยความสะดวกในการขนส่งผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียนที่กำลังจะส่งออกไปยังจีนจำนวนมาก
การขยายความสะดวกในการส่งออกทุเรียนสู่ตลาดจีน
ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา “นภินทร ศรีสรรพางค์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นำทีมพาณิชย์เยือนนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เพื่อตรวจสอบเส้นทางโลจิสติกส์และหารือกับหน่วยงานรัฐและผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ เพื่อผลักดันการขนส่งผลไม้ไทยผ่านเส้นทางทางบกและทางรถไฟอย่างราบรื่น หลังจากนั้นได้เดินทางต่อไปยังมณฑลยูนนาน ประเทศจีน เพื่อหารือกับผู้บริหารระดับสูงของมณฑลยูนนานเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการนำเข้าผลไม้จากไทย โดยเฉพาะทุเรียน
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้หารือกับศุลกากรจีนเพื่อขอให้ลดมาตรการตรวจสอบสารตกค้างในทุเรียนจาก 100% เป็น 30% โดยอ้างอิงจากมาตรการที่ไทยได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันสารเคมีที่ห้ามใช้ นอกจากนี้ ยังได้ขอให้ขยายเวลาในการปิดด่านจาก 17.30 น. เป็น 20.30 น. เพื่อเพิ่มเวลาการขนส่งและส่งออกผลไม้ให้สะดวกยิ่งขึ้น
เป้าหมายการส่งออกผลไม้ไทยสู่จีนในปี 2568
กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกผลไม้ไทยให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้ในไตรมาส 2 ของปี 2568 โดยการเตรียมการและดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งหมด จะทำให้การส่งออกผลไม้ไปยังจีนดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการส่งออกของไทยและช่วยเพิ่มรายได้เข้าสู่ประเทศได้อย่างมหาศาล
การส่งออกผลไม้ไทยสู่ตลาดจีนในปี 2568 นับเป็นโอกาสสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะสร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่ยังช่วยเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทยในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน
อยากปรึกษาเรื่องเจาะตลาดจีนด้วยการโฆษณาออนไลน์ เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าคนจีนต้อง Baidu Search Engine #1 ของคนจีนที่มีผู้ใช้มากกว่า 1,700 ล้านคน ปรึกษาได้ที่ We Bridge Marketing Solution