10 สถิติชี้ชะตาตลาดจีน ที่นักธุรกิจไทยห้ามพลาด!

1. ตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก

จีนมีมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการช็อปปิงออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Alibaba, JD.com และ Pinduoduo ผู้บริโภคชาวจีนคุ้นเคยกับการซื้อของออนไลน์มากจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทำให้ธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงลูกค้าจำเป็นต้องมีช่องทางออนไลน์ที่แข็งแกร่ง

2. กำลังซื้อของคนรุ่นใหม่

คนรุ่นใหม่หรือกลุ่ม Gen Z และ Millennials ในจีนมีกำลังซื้อสูงและเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างแท้จริง พวกเขามีความเปิดกว้างในการทดลองสินค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะแบรนด์ต่างชาติ และใช้สื่อโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญในการตัดสินใจซื้อ การทำความเข้าใจพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเจาะตลาด

3. การใช้จ่ายในเมืองรองที่เพิ่มขึ้น

กำลังซื้อไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเมืองใหญ่ ๆ อย่างปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้เท่านั้น แต่ยังขยายไปสู่เมืองรอง (Tier-2 และ Tier-3 cities) อย่างรวดเร็ว เมืองเหล่านี้มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ทำให้ผู้คนมีรายได้และกำลังซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

4. แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นครองใจผู้บริโภค

แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นอย่าง Douyin (TikTok) และ Kuaishou กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงอิทธิพลที่สุดในการตลาดออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาสินค้า, การสร้างแบรนด์ หรือแม้แต่การซื้อ-ขายสินค้าผ่านไลฟ์สด ทำให้ธุรกิจต้องใช้ช่องทางนี้ในการสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

5. ความนิยมในสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม

ตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามในจีนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองและลงทุนกับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติหรือออร์แกนิกก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก

6. การตลาดแบบ KOL (Key Opinion Leader)

การใช้ KOL หรือ Influencer ในการโปรโมตสินค้ายังคงมีประสิทธิภาพสูงมากในจีน ผู้บริโภคเชื่อถือคำแนะนำจากคนที่มีชื่อเสียงและมีความเชี่ยวชาญ ทำให้การร่วมงานกับ KOL ที่เหมาะสมสามารถช่วยสร้างยอดขายและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว

7. พลังของการซื้อของผ่านไลฟ์สด (Live Commerce)

Live Commerce ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์ แต่เป็นช่องทางการขายที่สร้างรายได้มหาศาล แบรนด์ต่าง ๆ ใช้ไลฟ์สดในการนำเสนอสินค้า, ตอบคำถามลูกค้า และปิดการขายได้ทันที ทำให้ผู้บริโภครู้สึกมีส่วนร่วมและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

8. การเติบโตของเทคโนโลยีการชำระเงินแบบไร้เงินสด

การชำระเงินผ่านมือถือโดยใช้แอปพลิเคชันอย่าง Alipay และ WeChat Pay กลายเป็นเรื่องปกติในจีน แทบจะไม่มีใครใช้เงินสดอีกต่อไป การเข้าสู่ตลาดจีนจึงจำเป็นต้องรองรับระบบการชำระเงินดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า

9. ความภักดีต่อแบรนด์ท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้น

แม้แบรนด์ต่างชาติจะยังคงได้รับความนิยม แต่แบรนด์ท้องถิ่นของจีนก็เริ่มเติบโตและได้รับความเชื่อถือมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าแฟชั่น, เครื่องสำอาง และเครื่องใช้ไฟฟ้า แบรนด์เหล่านี้มีความเข้าใจในตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคได้ดีกว่า

10. การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ลูกค้าแบบส่วนบุคคล

ผู้บริโภคชาวจีนคาดหวังประสบการณ์การซื้อที่ราบรื่นและเป็นส่วนตัวมากขึ้น แบรนด์ที่สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลได้จะสามารถสร้างความภักดีและดึงดูดลูกค้าได้ในระยะยาว

การเข้าใจ 10 สถิติเหล่านี้จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของตลาดจีนได้ชัดเจนขึ้น และเตรียมพร้อมในการวางกลยุทธ์เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแห่งนี้