หอการค้าไทยในจีน เปิดโปงจุดตาย ไทยกำลังแพ้สงครามตลาดจีน

“หอการค้าไทยในจีน” เปิดโปงความจริงเจ็บ! ไทยเสียเวลา 10 ปี เพราะตามจีนไม่ทัน

ถ้าจะพูดถึงตลาดที่เป็น “ความหวังใหญ่ที่สุด” ของผู้ประกอบการไทยในตอนนี้ ต้องยอมรับตรงกันว่า จีนคือสนามรบที่สำคัญที่สุด แต่ปัญหาคือ 10 ปีที่ผ่านมา ไทยกลับพลาดโอกาสครั้งใหญ่แบบต่อเนื่อง และกำลังถูกทิ้งห่างมากขึ้นทุกปี
ดร.ไพจิต วิบูลย์ธนสาร รองประธานหอการค้าไทยในจีน สรุปคำแรง ๆ ว่า
“ไทยเสียเวลาไป 10 ปีเต็ม เพราะเราไม่สามารถยกระดับความพร้อมของสินค้าและผู้ประกอบการได้เลย”
จีนเปลี่ยนโครงสร้างตลาดอย่างรวดเร็ว จากออฟไลน์สู่ Online First แต่ผู้ประกอบการไทยยังติดกับดักเดิม ทำให้สินค้าไทยถูกมองว่า…
  • ล้าสมัย
  • ภาพลักษณ์ไม่ชัด
  • สื่อสารไม่ถูกกับพฤติกรรมผู้บริโภคจีน
แม้เราจะมีจุดแข็งเรื่องอาหารและสุขภาพ แต่ขาด งานวิจัย + Branding + Positioning เลยเจาะกลุ่มพรีเมียมจีนไม่เข้า
ตลาดจีนใหญ่กว่าไทยถึง 35 เท่า!
แต่สินค้าไทยเข้าไปได้เพียง “เสี้ยวเดียว”
นี่คือสัญญาณว่า…เราไม่ได้แข่งแค่สินค้า แต่กำลังแข่งกับ ระบบคิดและความเร็วของจีน

 

ท่องเที่ยวไทยเจอจุดตาย! คนจีนมองว่า “ไม่ปลอดภัย”

ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยในจีนยังเป็นปัญหาใหญ่ จากเหตุการณ์ข่าวลบหลายครั้ง ทำให้ปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเพียง 4 ล้านคน จากที่ควรได้ 7–8 ล้านคนก่อนโควิด
ความเสียหายไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือความเชื่อมั่น
ดร.ไพจิตเสนอวิธีแก้แบบชัดเจน:
1 ข่าวลบ ต้องมี 3 ข่าวบวก
สื่อจีนฟังแต่ข่าวที่เชื่อมโยงกับความปลอดภัย การรีเซ็ตแบรนด์ประเทศไทยจึงเป็นเรื่องที่ “ต้องทำทันที”
ข่าวดีคือการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนของ
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ
ช่วยฟื้นภาพลักษณ์ด้านการทูตและความสัมพันธ์เชิงบวกได้มาก
 

 แล้วทำไมจีนถึงไปไกลกว่าเรา?

คำตอบคือ “ระบบ”
จีนไม่ได้เติบโตแบบโชคช่วย แต่เป็นการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ระดับประเทศ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด:
แผน 5 ปี ฉบับที่ 15
  • มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ
  • ตั้งเป้า Consumption 60% ของ GDP
เทคโนโลยี
  • AI ตั้งเป้าไล่ทันสหรัฐในปี 2025
โครงสร้างพื้นฐาน
  • รถไฟความเร็วสูง CR450 ยกระดับ Logistics จีนอีกขั้น
พลังงานสีเขียว
  • กำหนดเป้าหมาย Carbon Peak / Carbon Neutrality
ทั้งหมดนี้คือการเดินเกมแบบ “จีนทั้งประเทศคือองค์กรเดียวกัน”
เมื่อจีนพัฒนาเร็ว ผู้ประกอบการต่างชาติที่ช้า = ถูกทิ้ง
 

แล้วปัญหาของไทยจริง ๆ คืออะไร?

ไม่ใช่แค่สินค้า…แต่มันคือโครงสร้าง

ผู้ประกอบการไม่พร้อม

ขาดงานวิจัย ตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์

แรงงานไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยี

จีนขยายเทคโนโลยีเร็ว แต่เราไม่มีคนไปต่อยอด

ระบบราชการช้า

นักลงทุนจีนมองไทยวุ่นวายและใช้เวลานาน
ดร.ไพจิตถึงขั้นเสนอให้…
ไทยควรเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญจีนเข้ามาทำงานชั่วคราว
เพื่อถ่ายทอดความรู้ก่อนกลับประเทศ
เพราะถ้าไทยไม่ Upgrade ตัวเอง เราจะเดินตามหลังตลอดไป
 

จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุด: คนไทยต้องเลิกคิดว่า “เราแพ้จีน”

การแข่งขันกับจีนต้องไม่ใช่แบบรับชะตา แต่ต้องเลือกสนามที่เราได้เปรียบ
  • อาหาร & Health Food
  • การท่องเที่ยวคุณภาพ
  • ยานยนต์พลังงานทางเลือก
  • Wellness & Medical Tourism
ไม่ใช่ทุกสนามต้องชนกับจีน แต่ต้องหาจุดที่ไทย “ชนะได้”
 
 

โอกาสมหาศาลยังอยู่ตรงหน้า

ภายในปี 2035 จีนตั้งเป้า:
  • กลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วระยะต้น
  • ชนชั้นกลางเพิ่มจาก 400 → 800 ล้านคน
ถามว่าใครจะกินผลประโยชน์จากตลาดนี้?
คำตอบคือ “ประเทศที่เข้าใจเกมจีนจริง ๆ”
 

จีนไม่ใช่แค่ตลาด แต่คือสงครามยุทธศาสตร์

ผู้ประกอบการไทยที่อยากเข้าจีนอย่างยั่งยืนต้องมีครบ:
  1. Branding และงานวิจัยรองรับ
  2. กลยุทธ์ทั้งออนไลน์ + ออฟไลน์
  3. ความเข้าใจระบบกฎหมายจีน
  4. ความเร็วในการปรับตัว
จีนไม่ได้ปิดประตู แต่กำลังท้าทายว่า…
ใครพร้อม ใครเข้าใจระบบ และใครอยู่ในเกมได้
นี่คือจุดที่ไทยต้องตัดสินใจแล้วว่า จะเป็น ผู้เล่น หรือเป็นแค่ ผู้สังเกตการณ์

อยากปรึกษาเรื่องเจาะตลาดจีนด้วยการโฆษณาออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการทำ Baidu Search และการทำการตลาดบน RED NOTE (小红书 / Xiaohongshu) เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายลูกค้าคนจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยแพลตฟอร์มที่คนจีนใช้งานมากที่สุด Baidu Search Engine #1 ของคนจีนที่มีผู้ใช้มากกว่า 1,700 ล้านคน และ RED (Xiaohongshu) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีน ปรึกษาได้ที่กดคลิ๊กที่นี่ → We Bridge Marketing Solution
#บุกตลาดจีน #ตลาดจีน #XHS #小红书 #REDNOTE

Share with your network!
Facebook
Threads
X
LinkedIn