ไทยรุกหนักตลาดจีน! “ศุภจี” ถอดรหัสแผน 5 ปีจีน ปักหมุดบุกตลาด 800 ล้านคน
สินค้าไทยยุคใหม่ ต้องไม่แค่ “ขายได้” แต่ต้อง “ครองใจคนจีน”
จีนไม่ใช่แค่ตลาดใหญ่ แต่คือ “ตลาดแห่งอนาคต” ที่ใครเข้าใจเร็วกว่า ก็ได้เปรียบกว่า!
และตอนนี้ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินเกมใหม่เต็มสูบ สั่ง 9 ทูตพาณิชย์ประจำจีน “ถอดรหัสแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15” ของรัฐบาลจีน เพื่อวางแผนรุกตลาดกว่า 800 ล้านคนทั่วแดนมังกร
“เข้าใจจีนก่อนขายจีน” คือกุญแจสำคัญ
ภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่แค่ขายของไทยให้ได้ แต่คือการ “เข้าใจจีนในระดับมณฑล”
เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคจีนในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกันเลย — คนปักกิ่งชอบสินค้านวัตกรรม, คนกวางโจวเน้นดีไซน์และเทรนด์, ส่วนคนเฉิงตู-คุนหมิง กำลังกลายเป็นกลุ่มชนชั้นกลางใหม่ที่มีกำลังซื้อพุ่งขึ้นแรง
ศุภจีจึงมอบหมายให้ทูตพาณิชย์ในจีนทั้ง 9 เมืองใหญ่ ได้แก่
📍ปักกิ่ง📍ฮ่องกง📍เซี่ยงไฮ้
📍กวางโจว📍ชิงต่าว📍เซี่ยเหมิน
📍เฉิงตู📍คุนหมิง📍หนานหนิง
ร่วมกันออกแบบ “ยุทธศาสตร์รุกตลาดจีนเชิงรุก” ให้แม่นยำและยั่งยืน

การค้าไทย–จีน โตแรงไม่หยุด
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการค้าไทย–จีนทะลุ 108,639 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพิ่มขึ้นกว่า 28% ขณะที่การส่งออกของไทยเองโตถึง 16% — ตัวเลขนี้สะท้อนชัดว่า สินค้าไทยยังมีโอกาสอีกมหาศาลในตลาดจีน
แต่เกมนี้ไม่ได้วัดกันที่ “ใครขายได้เยอะ” อีกต่อไป
เพราะผู้บริโภคจีนยุคใหม่ “ไม่ได้เลือกของถูก” แต่เลือกของที่ “มีคุณภาพ มีนวัตกรรม และมีความยั่งยืน”
ซึ่งคือจุดแข็งที่สินค้าไทยสามารถต่อยอดได้อย่างเต็มที่
รัฐจับมือเอกชน เดินหน้า Joint Venture กับจีน
นอกจากวางยุทธศาสตร์ด้านตลาดแล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังเร่งผลักดันความร่วมมือรูปแบบ Joint Venture
ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับนักธุรกิจท้องถิ่นจีน เพื่อพัฒนาสินค้าไทยให้ “ตรงใจ” คนจีนในแต่ละภูมิภาค
ไม่ใช่แค่ส่งของไปขาย แต่ร่วมผลิต ร่วมคิด และร่วมเติบโตในระยะยาว

แผน 5 ปีจีน = โอกาสทองของสินค้าไทย
จีนกำลังขับเคลื่อนประเทศด้วย 3 คีย์เวิร์ดหลัก:
- เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)
- เทคโนโลยีขั้นสูง (High-Tech Economy)
- ยกระดับชนชั้นกลาง จาก 400 ล้านคน เป็น 800 ล้านคนใน 5 ปีข้างหน้า
นั่นหมายความว่า “ตลาดขนาดกลาง–บน” ของจีนจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว และกำลังมองหาสินค้าที่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตแบบพรีเมียมมากขึ้น
5 กลุ่มสินค้าไทยที่มีศักยภาพบุกจีน
กระทรวงพาณิชย์ได้ชี้ชัด 5 หมวดสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตสูงสุดในตลาดจีน ได้แก่
- สินค้าเกษตรและอาหาร
- ข้าว ผลไม้ไทย อาหารพร้อมรับประทาน เครื่องปรุงรส
- สินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
- อาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์ (ตลาดสัตว์เลี้ยงในจีนโตปีละกว่า 10%)
- สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม
- รังนก น้ำมะพร้าว ผลิตภัณฑ์สปาและดูแลผิว
- สินค้ารักษ์โลกและยั่งยืน
- บรรจุภัณฑ์ย่อยสลาย เสื้อผ้ารีไซเคิล ของตกแต่งบ้าน
- สินค้านวัตกรรมและดิจิทัลคอนเทนต์
- เกม แอนิเมชัน ภาพยนตร์ และทรัพย์สินทางปัญญา
“จากแค่เข้า ให้ถึงขั้นครองใจ”
ศุภจีทิ้งท้ายอย่างชัดเจน
“เราจะทำให้สินค้าไทยไม่เพียงแค่ ‘เข้า’ ตลาดจีน แต่ต้อง ‘ครองใจ’ ผู้บริโภคจีนได้ในระยะยาว”
นั่นคือภาพใหญ่ของภารกิจ “รุกจีนเชิงรุก” ที่ไม่ได้หยุดแค่การค้าขาย
แต่คือการสร้างภาพลักษณ์ “Thailand Brand” ให้เป็นที่ยอมรับในระดับเอเชีย
โดยมีภาครัฐ ภาคเอกชน และทูตพาณิชย์ร่วมขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
ไทยไม่ได้แค่ “ส่งออกของไปจีน” อีกต่อไป
แต่กำลัง “ออกแบบตลาดจีนใหม่ทั้งระบบ” เข้าใจ เข้าถึง และครองใจ
เพื่อให้สินค้าไทยกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนจีนกว่า 800 ล้านคนในอนาคตอันใกล้นี้





