ปี 69 กุ้งไทยส่งออกหดต่อเนื่อง เกมการค้าโลกเปลี่ยนเร็ว และ “จีน” คือสนามใหญ่ที่ต้องเร่งรุก
ในขณะที่อดีตไทยเคยเป็นผู้ส่งออกกุ้งอันดับ 1 ของโลก แต่วันนี้ภาพเปลี่ยนไปชัดเจน เรากลายเป็นผู้เล่นอันดับ 6 มีส่วนแบ่งการตลาดเพียงประมาณ 4% เท่านั้น แม้จะยังเป็นประเทศที่มีระบบการผลิตกุ้งครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ แต่ต้นทุนการผลิตที่สูง แข่งขันเรื่องราคาไม่ได้ และมาตรฐานการส่งออกที่เข้มขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยอยู่ในจุดที่ต้อง “รีเซ็ตกลยุทธ์ใหม่ทั้งระบบ”
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ปี 2569 (2025) มูลค่าการส่งออกกุ้งของไทยจะอยู่ที่ราว 1,075 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 3.6% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 สะท้อนความท้าทายทั้งด้านดีมานด์โลกที่ชะลอตัว และการแข่งขันที่ดุเดือดยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะจาก เอกวาดอร์และอินเดีย ที่กำลังตีตลาดทุกทวีปแบบราคาเข้ม ๆ ชนะด้วยต้นทุนและผลผลิตที่มากกว่าไทย 2–5 เท่า
แต่ท่ามกลางตลาดโลกที่ตกเป็นขาลง ยังมีหนึ่งสนามที่ไทยยัง “มีโอกาสใหญ่–แต่ต้องเล่นให้ถูกเกม”
นั่นคือ ตลาดจีน
จีน = ตลาดที่ยังโต แต่ต้องขายให้ “โดน” และ “ตรงกลุ่ม”
ปัจจุบันตลาดส่งออกกุ้งของไทยหลัก ๆ คือ ญี่ปุ่น + สหรัฐ + จีน รวมกันกว่า 75% ของการส่งออกทั้งหมด แต่จังหวะปีหน้า (ปี’69) ญี่ปุ่นกับสหรัฐถูกมองว่าดีมานด์จะอ่อนลง นำเข้าลดลงตามเศรษฐกิจและกำลังซื้อ อีกทั้งยังมีภาษี Reciprocal Tariffs เล่นงานสินค้าแปรรูปของไทยเพิ่มความกดดันมากขึ้น
ต่างจากจีน ที่มีแนวโน้ม ฟื้นตัวและโตต่อ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าพรีเมียม เช่น
กุ้งกุลาดำ
กุ้งก้ามกราม
กุ้งสด / แช่เย็น / แช่แข็ง
จุดแข็งคือ คนจีนยังนิยมอาหารทะเลสดใหม่ มีวัฒนธรรมบริโภคกุ้งในงานเทศกาลและมื้อพิเศษ ทำให้ไทยยังมีช่องแทรกในตลาดกลาง–บนได้ โดยเฉพาะในเมืองกำลังเติบโตระดับ Tier 2–Tier 3 ซึ่งยังแข่งขันไม่หนาแน่นเท่าปักกิ่ง–เซี่ยงไฮ้
นี่คือจุดที่ไทยควรเร่งรีบทำมากที่สุดในห่วงโซ่อาหารทะเลตอนนี้

แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า การแย่งตลาดจีนไม่ง่ายเหมือนเดิม
เพราะตอนนี้ ประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ โดยเฉพาะ เอกวาดอร์ อินเดีย อินโดนีเซีย เริ่มหมุนเป้าหมายเข้าจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากตลาดสหรัฐมีภาษีสูงขึ้นจาก Trump Tariff 2.0 ทำให้หลายประเทศย้ายของมาขายในจีนแทน
พูดง่าย ๆ จีนอาจกลายเป็นเวทีต่อสู้ใหม่ของสงครามกุ้งโลก
แล้วไทยควรเดินเกมแบบไหนในจีน?
1) ตั้งเป้าจับตลาดพรีเมียม + เมืองกำลังเติบโต
ขาย Story คุณภาพ ความสด มาตรฐาน ฟาร์มโปร่งใส
แพงได้ — แต่ต้องให้เหตุผลว่าทำไมต้องยอมจ่าย
2) ดัน Food Innovation & Ready to Eat
จีนชอบความสะดวก รวดเร็ว
หากไทยทำกุ้งพร้อมทาน/ซอส/เมนูสำเร็จรูป = โอกาสโตระยะยาว
3) สร้าง Branding “Shrimp from Thailand” ให้จำชัด
จุดขายไทยคือความปลอดภัย ละเอียดในการควบคุม
เล่าแบบอารมณ์–วิถี–รสชาติ ให้จีนรู้สึกว่าซื้อไทยคือซื้อตัวจริง
4) ESG, Traceability, QR Tracking ต้องมา
จีนเทรนด์สุขภาพแรงมาก โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานและครอบครัว
หากสแกนแล้วเห็นเส้นทางกุ้งตั้งแต่ฟาร์ม–โรงงาน–ส่งออก = ความเชื่อถือระดับที่คู่แข่งสู้ยาก

ปี 69 อาจเป็น “ปีแย่เพื่อปีดี” ถ้ากล้าขยับเกมในจีน
แม้ภาพรวมการส่งออกกุ้งไทยปีหน้าอาจยังเป็นลบต่อเนื่อง แต่ตลาดจีนคือสนามที่ยังเปิดพื้นที่โตให้คนที่เดินหมากไวพอ ผู้ผลิตไทยจำเป็นต้องยกระดับมาตรฐาน ลดต้นทุนด้วยเทคโนโลยี ปรับรูปแบบเลี้ยง พัฒนาสายพันธุ์ และสร้างแบรนด์ที่คนจีนเชื่อถือ
เพราะการแข่งขันรอบใหม่จะไม่ใช่แค่
ใครผลิตเยอะกว่า แต่คือใครขายได้แพงกว่า และเล่าเรื่องได้ดีกว่า
กุ้งไทยยังไปได้อีกไกล…
แต่อนาคตครั้งนี้ต้องบุก ไม่ใช่รอ





