
เปิดเส้นทางใหม่ 5 สัตว์น้ำเศรษฐกิจไทย บุกตลาดโลก!
จากฉะเชิงเทรา สู่จีนและตะวันออกกลาง “กุ้ง-ปลาไทย” กำลังจะกลายเป็นพลังใหม่ของเศรษฐกิจน้ำ
อุตสาหกรรมสัตว์น้ำไทยกำลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อ “สมาคมกุ้งตะวันออกไทย” เดินหน้าจัดงาน “มหกรรมสัตว์น้ำไทย 2025” ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายใต้แนวคิด “สัตว์น้ำไทย ปรับจูนใหม่ เพื่อไปต่อ” งานนี้ไม่เพียงแต่เปิดพื้นที่ให้นักวิจัยและเกษตรกรได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เท่านั้น แต่ยังจุดไฟความหวังใหม่ให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ ด้วยเป้าหมายผลักดัน 5 สัตว์น้ำเศรษฐกิจหลักของไทย กุ้งขาว, กุ้งก้ามกราม, กุ้งกุลาดำ, ปลานิล และปลากะพง ให้กลายเป็นดาวรุ่งของตลาดโลกในปีหน้า
ไทยพร้อมลุยตลาดโลก หลังปัจจัยโลกเปลี่ยนเกม
นายสมประสงค์ เนตรทิพย์ นายกสมาคมกุ้งตะวันออกไทย เปิดเผยว่า ช่วงปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมสัตว์น้ำของไทยเริ่มเห็น “แสงสว่างปลายอุโมงค์” หลายด้าน
โดยเฉพาะตลาดหลักอย่าง ประเทศจีน ที่เริ่มกลับมาเปิดนำเข้า “ปลากะพง” จากไทยอีกครั้ง หลังคลายมาตรการควบคุม และตลาด ฮาลาลในตะวันออกกลาง ที่เริ่มตอบรับสินค้าสัตว์น้ำจากไทยเป็นอย่างดี
“ปีนี้เราจะเห็นการขยายตลาดกุ้งก้ามกรามไปยังจีนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกุ้งต้มสีสวยไซซ์ 8-25 ตัวต่อกิโลกรัม ซึ่งตลาดจีนต้องการสูงมาก ขณะที่ไทยมีภูมิอากาศเหมาะสม ทำให้เลี้ยงได้เร็วและมีต้นทุนต่ำกว่า มีโอกาสสูงที่เราจะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตกุ้งก้ามกรามอันดับ 1 ของโลก” นายสมประสงค์กล่าว
นอกจากนี้ ปลากะพงไทยก็เริ่มสร้างชื่อในตลาดโลกอีกครั้ง ภายหลังจีนปลดล็อกนำเข้า และประเทศคูเวตได้รับสินค้าตู้แรกไปแล้ว โดยในปีหน้า ไทยเตรียมขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศมุสลิมทั่วโลก ที่นิยมบริโภคปลาทะเลเป็นอาหารหลัก ซึ่งถือเป็น “ตลาดใหม่ขนาดใหญ่” ที่ยังมีช่องว่างให้เติบโตอีกมาก

สัตว์น้ำไทยหลากหลาย สร้างโอกาสจากซุปเปอร์ฟู้ดถึงสัตว์เศรษฐกิจใหม่
ภายในงาน ยังมีการเปิดตัวสัตว์น้ำอาชีพทางเลือกใหม่อย่าง “ม้าน้ำ” ที่กำลังได้รับความสนใจในตลาดโลก รวมถึง “ผำ” หรือสาหร่ายจิ๋วซุปเปอร์ฟู้ดแห่งอนาคต ที่เริ่มถูกจับตามองทั้งในและต่างประเทศ งานนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงงานแสดงสินค้า แต่เป็นเวทีแลกเปลี่ยนนวัตกรรม การวิจัย และแนวทางการทำตลาด เพื่อให้เกษตรกรไทยก้าวทันโลกและสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่การผลิต
ไทยได้เปรียบภาษี โอกาสเหนือคู่แข่ง
ด้านนายบรรจง นิสภวาณิช ประธานสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย ระบุว่า ไทยกำลังอยู่ในจังหวะทอง เพราะนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ภายใต้ “กำแพงภาษีทรัมป์” ส่งผลให้สินค้าสัตว์น้ำจากหลายประเทศมีภาษีสูงขึ้น ในขณะที่ไทยได้รับอานิสงส์ตรงนี้ ทำให้สามารถส่งออกในราคาที่แข่งขันได้มากกว่า
“เมื่อรวมกับคุณภาพการผลิตของไทย และมาตรฐานห้องเย็นที่พัฒนาไปไกล เรากำลังอยู่ในจุดที่ได้เปรียบทั้งด้านต้นทุนและความน่าเชื่อถือในสายตาตลาดโลก” นายบรรจงกล่าว

จากบ่อเลี้ยงในฉะเชิงเทรา สู่จานอาหารทั่วโลก
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า “สัตว์น้ำไทย” ไม่ได้เป็นเพียงภาคเกษตรอีกแขนงหนึ่ง แต่คือพลังใหม่ของเศรษฐกิจไทยที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้และชื่อเสียงในระดับนานาชาติ
ไม่ว่าจะเป็น กุ้งก้ามกราม ที่กำลังกลายเป็น “สินค้าดาวรุ่ง” ในตลาดจีน, ปลากะพง ที่กำลังเปิดเส้นทางใหม่ในตะวันออกกลาง, หรือ ผำและม้าน้ำ ที่อาจกลายเป็น “ดาวเด่นตัวต่อไป” ของอุตสาหกรรมไทยในอนาคต ทั้งหมดล้วนเป็นสัญญาณว่าประตูสู่ตลาดโลกของ “สัตว์น้ำไทย” กำลังเปิดกว้างมากกว่าเดิม