จีนแห่เที่ยวไทย Golden Week จุดไฟตลาดท่องเที่ยวกลับมาระอุอีกครั้ง

Golden Week ปลุกไทยคึก! นักท่องเที่ยวจีนทะลักวันละ 22,000 คน สัญญาณฟื้นตลาดท่องเที่ยวที่ต้องเร่งคว้า

ตลาดนักท่องเที่ยวจีนในไทยกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วง Golden Week หรือวันหยุดยาวแห่งชาติของจีน (26 ก.ย. – 6 ต.ค. 2568) หลังสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เผยตัวเลขแรงทะลุคาด  นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเฉลี่ย กว่า 22,000 คนต่อวัน ส่งผลให้เที่ยวบินจากทั้งเมืองใหญ่และเมืองรองของจีน “เต็มแทบทุกไฟลท์”
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมฯ ระบุว่า ช่วงวันที่ 26 ก.ย. – 2 ต.ค. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมกว่า 580,000 คน เดินทางเข้าไทย โดยกว่า หนึ่งในห้าเป็นชาวจีน ถือเป็นสัญญาณบวกหลังจากตลาดจีนซบเซามาหลายเดือน
 

ตั๋วเต็ม ราคาพุ่ง 400% สะท้อนดีมานด์แรงทะลุเพดาน

ข้อมูลจากสายการบินเผยว่า เที่ยวบินจากเมืองหลักอย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว รวมถึงเมืองรองอย่างเฉิงตู คุนหมิง และซีอาน มาไทย “เต็มแทบทุกเที่ยว” ขณะที่ราคาตั๋วขากลับจีนพุ่งสูงสุดกว่า 400%
เส้นทาง กรุงเทพฯ–ปักกิ่ง จากเดิม 1,500–2,000 หยวน ขยับแตะ 4,000–5,800 หยวน ระหว่างวันที่ 7–9 ต.ค. โดยเฉพาะสายการบินใหญ่ทั้ง China Eastern, Hainan Airlines และ Air China ที่มีอัตราผู้โดยสารเฉลี่ยสูงถึง 99% มากกว่าช่วงปกติถึง 3 เท่า
ภาพเหล่านี้สะท้อนชัดว่า “ไทยยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน” แต่ในอีกมุมหนึ่งก็เตือนรัฐบาลไทยว่า ต้อง “เร่งยกระดับความปลอดภัยและการประชาสัมพันธ์” อย่างจริงจัง เพื่อรักษาฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ให้อยู่หมัด
 

เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตยังขายดี

ปลายทางยอดนิยมของชาวจีนยังคงหนีไม่พ้น กรุงเทพฯ  พัทยา ภูเก็ต  เชียงใหม่ ซึ่งครองใจนักท่องเที่ยวทั้งสายครอบครัว คู่รัก และกลุ่มเพื่อน ส่วนพฤติกรรมการใช้จ่าย “ไม่ได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย”
โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือนกันยายน ไทยรับนักท่องเที่ยวจีนแล้วราว 3.4 ล้านคน และคาดว่าภายในสิ้นปีจะถึง 5 ล้านคน แม้จะยังต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่เคยประเมินไว้ 7 ล้านคน แต่ยังถือว่าเป็นสัญญาณฟื้นตัวที่น่าจับตา โดยเฉพาะหากในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีสามารถรักษาอัตราเฉลี่ยวันละ 20,000 คนไว้ได้
 

เสียงจากภาคสนาม ยังไม่ฟื้นเต็มที่ แต่หวังระยะยาว

มัคคุเทศก์และผู้ประกอบการหลายรายสะท้อนตรงกันว่า
แม้นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเพิ่มขึ้น แต่รูปแบบการเดินทาง “เปลี่ยนไปชัดเจน” จากทัวร์กรุ๊ปใหญ่ กลายเป็นนักท่องเที่ยวเดินทางแบบ ครอบครัวเล็ก หรือกลุ่มเพื่อน 3–5 คน
มัคคุเทศก์บางรายเผยว่า ปัจจุบันรับกรุ๊ปได้วันละ 1–2 กรุ๊ปเท่านั้น บางวันก็ว่างงาน เพราะกรุ๊ปใหญ่ลดลงกว่าเดิมมาก
ขณะที่ร้านขายของฝากรายใหญ่ในย่านท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ บอกว่า ยอดขายสินค้า “ของฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวจีน” อย่าง กางเกงช้าง ลดลงไปกว่าครึ่ง ทำให้ปีนี้ตัดสินใจ “ไม่สต็อกสินค้าเพิ่ม” เหมือนปีก่อน เพราะเสี่ยงค้างสต็อกสูงจากความไม่แน่นอนของตลาด
เสียงจากผู้ประกอบการเหล่านี้ต่างเรียกร้องให้รัฐ สร้างความเชื่อมั่น ผ่านมาตรการความปลอดภัย การดูแลนักท่องเที่ยว และการสื่อสารเชิงบวกต่อสาธารณะในจีนอย่างต่อเนื่อง
 

รมว.ท่องเที่ยวชูแผน “Big Impact Act Fast” ดันตลาดจีนฟื้นแรง

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ย้ำว่า จีนยังคงเป็นตลาดหลักที่ “ต้องฟื้นให้ได้” พร้อมประกาศนโยบาย Big Impact Act Fast มุ่งยกระดับมาตรการความปลอดภัย การอำนวยความสะดวก และการสื่อสารสร้างภาพลักษณ์ประเทศ
นอกจากนี้ยังตั้งเป้า “เจาะลึกตลาดศักยภาพสูง” เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ควบคู่กับการเปิดตลาดใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยง
รมว.ท่องเที่ยวยังยอมรับว่า “ไทยไม่ได้เป็นยักษ์ใหญ่ด้านการท่องเที่ยวเพียงรายเดียวอีกต่อไป” เพราะหลายประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ต่างเร่งพัฒนาและดึงนักท่องเที่ยวจีนด้วยกลยุทธ์เชิงรุก ทำให้ไทยต้อง “ขยับให้ไวกว่าเดิม”
 

4 เดือนสุดท้ายของปี โอกาสทองที่ไทยต้องไม่พลาด

ข้อมูลล่าสุด ณ 30 ก.ย. 2568 ระบุว่า ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมแล้วกว่า 24 ล้านคน สร้างรายได้รวมกว่า 1.97 ล้านล้านบาท
กระทรวงท่องเที่ยวจึงเตรียมจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวชุดใหญ่ตลอด 4 เดือนสุดท้ายของปี เพื่อรักษาโมเมนตัมจาก Golden Week ให้ต่อเนื่อง และดึงจำนวนนักท่องเที่ยวกลับเข้าสู่เป้าหมายเดิม
ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังอยู่ระหว่างการพิจารณานโยบาย ค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยว (Tourist Fee) หรือที่เรียกกันว่า “ค่าเหยียบแผ่นดิน” ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่ต้องหาทางออกอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีสัดส่วนสูงสุดในตลาดเอเชีย
 

ไทยยังมีโอกาส แต่ต้องขยับให้ไว

Golden Week ครั้งนี้ถือเป็น “บททดสอบสำคัญ” ของตลาดจีนในไทย
แม้สัญญาณจะเริ่มกลับมาสดใส แต่นั่นยังไม่เพียงพอให้ไทยชะล่าใจ เพราะการแข่งขันในตลาดเอเชียเข้มข้นกว่าที่เคย ไทยจึงต้อง “เร่งปรับกลยุทธ์” ทั้งด้าน ภาพลักษณ์ ความปลอดภัย การตลาดเชิงดิจิทัล และการสร้างความเชื่อมั่น หากทำได้ครบทุกมิติ  ไทยยังมีศักยภาพกลับขึ้นเป็นจุดหมายอันดับต้นของนักท่องเที่ยวจีนได้อีกครั้งแน่นอน

อยากปรึกษาเรื่องเจาะตลาดจีนด้วยการโฆษณาออนไลน์ เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าคนจีนต้อง Baidu Search Engine #1 ของคนจีนที่มีผู้ใช้มากกว่า 1,700 ล้านคน ปรึกษาได้ที่กดคลิ๊กที่นี่ → We Bridge Marketing Solution
#บุกตลาดจีน #ตลาดจีน

Share with your network!
Facebook
Threads
X
LinkedIn