
เศรษฐกิจสีน้ำเงิน: อนาคตใหม่ของโลกที่หลายประเทศกำลังมุ่งสู่
เศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) คือระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นด้านการประมง การท่องเที่ยว การขนส่ง การพัฒนาเทคโนโลยีทางทะเล หรือแม้กระทั่งพลังงานทางเลือก โดยรายงานขององค์การ OECD ระบุว่า ภายในปี 2030 เศรษฐกิจทางทะเลจะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างการจ้างงานกว่า 40 ล้านตำแหน่งทั่วโลก
กว่างซี: หนึ่งในแนวหน้าเศรษฐกิจทางทะเลของจีน
เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจีน ติดอ่าวเป่ยปู้ (หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ “อ่าวตังเกี๋ย”) ถือเป็น 1 ใน 11 มณฑลชายทะเลของจีน และเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเล
ในปี 2567 กว่างซีมีผลิตภัณฑ์มวลรวมทางทะเล (Gross Ocean Product – GOP) สูงถึง 258,090 ล้านหยวน คิดเป็น 9% ของ GDP ทั้งมณฑล ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่ม “อุตสาหกรรมทางทะเลเกิดใหม่” ที่เติบโตมากถึง 45% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
อุตสาหกรรมใหม่จากทะเล: จาก 5G ถึงพลังงานสะอาด
แนวโน้มใหม่ของเศรษฐกิจทางทะเลในกว่างซีไม่ได้จำกัดอยู่แค่การประมงหรือขนส่งเท่านั้น แต่กำลังขยายไปสู่เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น:
- กระชังเลี้ยงปลาอัจฉริยะ “Beibu Gulf No.1” ที่ใช้เทคโนโลยี 5G + Big Data ควบคุมการให้อาหาร ตรวจสภาพแวดล้อม และการดูแลปลาแบบเรียลไทม์
- การผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล โดยใช้ระบบ Reverse Osmosis ที่สามารถป้อนน้ำสะอาดให้กับเขตเมืองชายฝั่ง
- พลังงานลมนอกชายฝั่ง (Offshore Wind Power) โรงไฟฟ้าที่เมืองฝางเฉิงก่างผลิตไฟฟ้าได้กว่า 5 ล้านครัวเรือน ลดการใช้ถ่านหินไปได้ปีละ 1.5 ล้านตัน
- ชีวเภสัชภัณฑ์จากทะเล ใช้สิ่งมีชีวิตในทะเลผลิตยาหรือสารชีวภาพที่มีมูลค่าสูงในตลาดโลก
ยุทธศาสตร์พลังงานทางทะเล: โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ริมอ่าว
จีนไม่หยุดแค่พลังงานลม ในเมืองฝางเฉิงก่างยังมีการก่อสร้าง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “ป๋ายหลง” ซึ่งมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 8.62 ล้านกิโลวัตต์ เป็นโครงการใหญ่ร่วมระหว่างบริษัท China General Nuclear และ China Datang Group ซึ่งคาดว่าจะกลายเป็นแหล่งพลังงานทางทะเลขนาดใหญ่ของจีน
นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าหงซา ที่เปิดดำเนินการแล้ว เป็นตัวอย่างของการใช้พลังงานสะอาดและมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนระบบผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลควบคู่กันไป
ท่าเรืออ่าวเป่ยปู้: ศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางทะเลแห่งใหม่
ในพื้นที่กว่างซีมีท่าเรือหลัก 3 แห่ง ได้แก่
- ท่าเรือเป๋ยไห่
- ท่าเรือชินโจว
- ท่าเรือฝางเฉิงก่าง
ซึ่งมีเส้นทางเดินเรือไปยัง 49 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย และกำลังเติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 โดยมีการพัฒนาเป็น “Port + Industrial Park + Logistics” รวมถึงเป็นฐานส่งออกสินค้าเกษตร อาหารทะเล และวัสดุก่อสร้างไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จีนกับเป้าหมายการเป็น “มหาอำนาจทางทะเล”
สิ่งที่เห็นชัดคือ จีนกำลังลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐานทางทะเล โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งทางใต้ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ พลังงาน และสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปอย่างยั่งยืน เป้าหมายในระยะยาวคือการเป็นผู้นำโลกด้าน “เศรษฐกิจสีน้ำเงิน” ทั้งในแง่เทคโนโลยี การผลิต การขนส่ง และนวัตกรรมทางชีวภาพจากทะเล
บทเรียนที่ไทยควรจับตา: พื้นที่ทางทะเลคืออนาคต
ประเทศไทยมีศักยภาพไม่แพ้กว่างซี โดยเฉพาะฝั่งอ่าวไทยและอันดามันที่มีทรัพยากรทางทะเลมหาศาล หากมีการลงทุนอย่างเป็นระบบและยั่งยืน เช่น การส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลอัจฉริยะ พลังงานลมนอกชายฝั่ง หรือชีวเภสัชภัณฑ์ทางทะเล – ไทยอาจเป็น “ฮับทะเลแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ได้ไม่ยาก
นอกจากนี้ การจับมือกับจีนในรูปแบบการลงทุนร่วม หรือแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีทางทะเล อาจเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ช่วยเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจสีน้ำเงินของไทยให้ไปได้ไกลและเร็วยิ่งขึ้น
อยากปรึกษาเรื่องเจาะตลาดจีนด้วยการโฆษณาออนไลน์ เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าคนจีนต้อง Baidu Search Engine #1 ของคนจีนที่มีผู้ใช้มากกว่า 1,700 ล้านคน ปรึกษาได้ที่ We Bridge Marketing Solution